ถ้าต้องอยู่ในสังคมที่มีการนินทาว่าร้ายคนอื่น แล้วดูเหมือนว่าคนที่พูดกำลังสนุกสนานเพลิดเพลิน และก็มีเวทีที่คนเปิดประตูให้เราเข้าไปร่วมวง
พอประตูเปิด…เราก็ต้องถามใจตัวเราก่อนว่า เวลาที่เราพูดเรื่องคนอื่นนั้น ใจเราสุขทุกข์อย่างไร
ถ้าเราพบว่าเราสนุกในการทำสิ่งนั้น ก็คงต้องถามตัวเองว่า การที่เราสนุกอยู่ในความทุกข์ของผู้อื่นนั้น มันเป็นคำตอบของชีวิตเราหรือไร
สังคมเราทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีคนชอบวิพากษ์วิจารณ์ และพูดถึงคนอื่นโดยไม่รู้ว่า จะได้อะไรจากการพูดการคุยนั้น ที่สำคัญ พูดไปโดยไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ แต่ก็พูด
เราสนุกที่ได้นินทา แต่คนอื่นเสียหายจากการกระทำของเรา มันเหมือนเราสวมมงกุฎอยู่ในนรก ดูเหมือนดี แต่ลึกๆ คนที่ชอบนินทาคนอื่น ก็กำลังส่งสัญญาณว่าทุกข์ทั้งนั้น อย่ามัวแต่สนุกอยู่กับการวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นเลยค่ะ ขอให้เรารู้จักหลีกเลี่ยงจะดีกว่า
และถ้ามีคนมาชวนให้เราไปนั่งพูดนั่งคุยถึงเรื่องของคนอื่น เราก็ต้องขอตัว และอาจบอกว่าเราไม่มีเวลา ซึ่งก็เท่ากับว่าเราช่วยปิดประตูนรกให้ตัวเอง และก็ช่วยปิดประตูไม่ให้เพื่อนของเราเข้าไปอยู่ในนรก จากการวิพากษ์วิจารณ์ที่เราก็ไม่รู้จริง แล้วเราก็จะไม่ทุกข์กับการรู้ไม่จริงของตัวเอง การสื่อสารเป็นเรื่องจำเป็นมากที่จะทำให้สังคมตรงนั้นสุขก็ได้...ทุกข์ก็ได้
ถ้าเราเห็นคนคนหนึ่ง กำลังพูดถึงใครอีกสักคนหนึ่ง อย่างที่รู้ว่าหัวใจของคนคนนั้นกำลังทุกข์อะไร เราก็ควรจะกรุณาเขา เพราะเราเลือกได้ระหว่างการอยู่บนดินที่ปลอดภัยกับการอยู่ในนรก
ถ้ามีคนมานั่งคุยเรื่องของคนอื่น แล้วเรารู้สึกว่ามันไม่ใช่เวทีของเรา เราก็เดินออกมา หรือถ้าเรากล้าหาญมากขึ้นที่จะเตือนได้ เราก็บอกตรงๆ ว่าอย่าไปเปิดประตูนรกพูดเรื่องของคนอื่นเลย หรืออย่าไปเป็นหนึ่งในนรกเลย เพราะมันไม่ได้ประโยชน์ หรือทำให้เราเห็นประโยชน์ในตัวเรามากขึ้นเลย
และถ้าหากเรากำลังอึดอัด กำลังรำคาญเสียงของคนที่กำลังนินทา เราก็ต้องกลับไปดูความอึดอัดว่า ความอึดอัดมันอยู่กับเราได้ไม่นานหรอก เพราะมันมาแล้วมันก็ไป ในหัวใจของเราไม่มีที่อาศัยได้ของความอึดอัด
ถ้าเราเป็นกัลยาณมิตรหรือเพื่อนที่มีจุดยืนอย่างนี้ชัดเจน เวทีนี้ก็จะค่อยๆ เลือนหายไปเอง เพราะไม่มีใครไปเติมเชื้อ หรือเพิ่มตะกอนให้ใจขุ่น
พอประตูเปิด…เราก็ต้องถามใจตัวเราก่อนว่า เวลาที่เราพูดเรื่องคนอื่นนั้น ใจเราสุขทุกข์อย่างไร
ถ้าเราพบว่าเราสนุกในการทำสิ่งนั้น ก็คงต้องถามตัวเองว่า การที่เราสนุกอยู่ในความทุกข์ของผู้อื่นนั้น มันเป็นคำตอบของชีวิตเราหรือไร
สังคมเราทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีคนชอบวิพากษ์วิจารณ์ และพูดถึงคนอื่นโดยไม่รู้ว่า จะได้อะไรจากการพูดการคุยนั้น ที่สำคัญ พูดไปโดยไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ แต่ก็พูด
เราสนุกที่ได้นินทา แต่คนอื่นเสียหายจากการกระทำของเรา มันเหมือนเราสวมมงกุฎอยู่ในนรก ดูเหมือนดี แต่ลึกๆ คนที่ชอบนินทาคนอื่น ก็กำลังส่งสัญญาณว่าทุกข์ทั้งนั้น อย่ามัวแต่สนุกอยู่กับการวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นเลยค่ะ ขอให้เรารู้จักหลีกเลี่ยงจะดีกว่า
และถ้ามีคนมาชวนให้เราไปนั่งพูดนั่งคุยถึงเรื่องของคนอื่น เราก็ต้องขอตัว และอาจบอกว่าเราไม่มีเวลา ซึ่งก็เท่ากับว่าเราช่วยปิดประตูนรกให้ตัวเอง และก็ช่วยปิดประตูไม่ให้เพื่อนของเราเข้าไปอยู่ในนรก จากการวิพากษ์วิจารณ์ที่เราก็ไม่รู้จริง แล้วเราก็จะไม่ทุกข์กับการรู้ไม่จริงของตัวเอง การสื่อสารเป็นเรื่องจำเป็นมากที่จะทำให้สังคมตรงนั้นสุขก็ได้...ทุกข์ก็ได้
ถ้าเราเห็นคนคนหนึ่ง กำลังพูดถึงใครอีกสักคนหนึ่ง อย่างที่รู้ว่าหัวใจของคนคนนั้นกำลังทุกข์อะไร เราก็ควรจะกรุณาเขา เพราะเราเลือกได้ระหว่างการอยู่บนดินที่ปลอดภัยกับการอยู่ในนรก
ถ้ามีคนมานั่งคุยเรื่องของคนอื่น แล้วเรารู้สึกว่ามันไม่ใช่เวทีของเรา เราก็เดินออกมา หรือถ้าเรากล้าหาญมากขึ้นที่จะเตือนได้ เราก็บอกตรงๆ ว่าอย่าไปเปิดประตูนรกพูดเรื่องของคนอื่นเลย หรืออย่าไปเป็นหนึ่งในนรกเลย เพราะมันไม่ได้ประโยชน์ หรือทำให้เราเห็นประโยชน์ในตัวเรามากขึ้นเลย
และถ้าหากเรากำลังอึดอัด กำลังรำคาญเสียงของคนที่กำลังนินทา เราก็ต้องกลับไปดูความอึดอัดว่า ความอึดอัดมันอยู่กับเราได้ไม่นานหรอก เพราะมันมาแล้วมันก็ไป ในหัวใจของเราไม่มีที่อาศัยได้ของความอึดอัด
ถ้าเราเป็นกัลยาณมิตรหรือเพื่อนที่มีจุดยืนอย่างนี้ชัดเจน เวทีนี้ก็จะค่อยๆ เลือนหายไปเอง เพราะไม่มีใครไปเติมเชื้อ หรือเพิ่มตะกอนให้ใจขุ่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น